รับมือเเละรู้ทันมิจฉาชีพ เเก็งคอลเซ็นเตอร์

 

หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านสื่อต่างๆมาบ้างแล้ว และอาจรู้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มีรูปแบบการพูดที่สร้างความเชื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้ แต่อย่างไรก็ตามเราควรศึกษากลโกงของมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหลายเพื่อเป็นเกราะป้องกันที่จำเป็น

เกราะป้องกันแรกและสำคัญที่สุดคือ "การมีสติรู้ทัน" ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อความที่มิจฉาชีพใช้ มักจะเป็นเรื่องที่ทำให้เหยื่อตื่นตระหนกหรือตื่นเต้นดีใจ บางครั้งอาจอ้างอิงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐหรือสถาบันการเงิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ บางครั้งอาจมีระบบโทรศัพท์อัตโนมัติเพื่อให้ดูเหมือนการติดต่อจากองค์กรขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งอ้างว่าเหยื่อเป็นผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่ มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ข้ออ้างหรือรูปแบบเหล่านี้เพื่อหลอกเหยื่อ ดังนั้นเราจึงควรมีความระมัดระวังและรู้จักจุดอ่อนเหล่านี้

ต่อไปนี้คือรายการของบางข้ออ้างหรือรูปแบบที่มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชอบใช้ในการหลอกลวงเหยื่อ

•  การอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนจากหน่วยงานรัฐหรือสถาบันการเงิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

• การใช้ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติที่ให้ดูเหมือนการติดต่อจากองค์กรขนาดใหญ่

• การอ้างว่าเหยื่อเป็นผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่

การศึกษาและการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันตนเองจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าลืมค้นคว้าข้อมูลและขอคำปรึกษาเพิ่มเติมเมื่อคุณมีคำถามหรือความสงสัย นอกจากนี้ยังมีชุมชนออนไลน์และคอมมูนิตี้ที่สนับสนุนผู้เรียนรู้เกี่ยวกับบล็อกเชนที่คุณสามารถเข้าร่วมเพื่อขอความช่วยเหลือและแบ่งปันประสบการณ์ได้เช่นกัน

กลุ่มเป้าหมายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักถูกแบ่งออกเป็นสองแบบต่อไปนี้

• กลุ่มคนที่อยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย: ซึ่งรวมถึงคนที่มีฐานะเศรษฐกิจที่น้อย, คนที่ตกงานหรือกำลังมองหางาน, คนที่ต้องพบกับความยากลำบากในชีวิต, หรือคนที่อยากเพิ่มฐานะทางการเงินของตนเอง

• กลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ: ซึ่งรวมถึงคนที่มีเงินเก็บอยู่มากพอสมควร, มีความมั่งคั่ง, หรือมีที่อยู่อาศัยในเขตที่มักเป็นของคนรวย กลุ่มนี้ไม่ค่อยติดตามข่าวสารและรับรู้เหตุการณ์บ่อยครั้ง

แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีวิธีการหลอกลวงหลายวิธีดังต่อไปนี้

• เนื้อหาในการสนทนา: เนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องเงินในลักษณะหลัก เช่น การถูกรางวัล แต่ต้องโอนเงินเพื่อจ่ายภาษี มิจฉาชีพจะใช้รูปแบบเรื่องราวเช่นนี้ และจะขอข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อ เช่น เลขประจำตัวประชาชน, วันเดือนปีเกิด, เลขบัตรเครดิต, เลขสมุดบัญชี เป็นต้น วิธีนี้จะใช้จิตวิทยาและการโน้มน้าวให้เหยื่อตกใจหวาดกลัว จนเหยื่อกระตือรือร้นให้ข้อมูลหรือกระตุ้นให้เกิดความโลภ แล้วรีบเร่งให้เหยื่อให้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และเมื่อเหยื่อตระหนกตัวเกิดขึ้น พบว่าเงินหายไป

• ครื่องมือในการหลอกลวง: แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะติดต่อเหยื่อผ่านทางโทรศัพท์โดยใช้ข้อความเสียงอัตโนมัติ และให้คนโทรมาพูดคุย มักจะอ้างอิงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ เช่น เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน, เจ้าหน้าที่ภาษี, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, เจ้าหน้าที่บริษัทขนส่ง, หรือเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ บทสนทนาที่พบบ่อยมักเป็นการอ้างว่ามีของผิดกฎหมายค้างอยู่และต้องโอนเงินจนกว่าจะไม่โดนจับ ผู้โทรมาในแบบนี้ควรระมัดระวังและไม่เชื่อ

• หมายเลขโทรศัพท์: แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจใช้หมายเลขโทรศัพท์จริงของหน่วยงานที่แอบอ้าง แต่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นหมายเลขของหน่วยงานที่แอบอ้าง หรืออาจใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่สามารถติดต่อกลับได้ หรือเป็นหมายเลขจากต่างประเทศ เพื่อให้จับกุมได้ยาก

รูปแบบการหลอกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่เป็นดังนี้

• ข้อความ SMS ปลอม: แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ข้อความทาง SMS ปลอมในการติดต่อเหยื่อ ข้อความเหล่านี้มักมาจากในประเทศหรือต่างประเทศ และถ้าเป็นข้อความที่มาจากต่างประเทศ จะไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และมิจฉาชีพมักใช้ Google Translate ทำให้เนื้อหาดูผิดปกติ ตัวอย่างเช่น "คุณคือผู้โชคดีที่ได้รับเงินเข้าแล้ว กดลิงก์เพื่อรับเงิน" หรือ "คุณถูกฉลาก กดลิงก์เพื่อรับเงิน" เป็นต้น

• การใช้ลิงก์เพื่อหลอกลวง: เกิดจากการส่งลิงก์ที่มักขึ้นต้นด้วย cutt.ly (ลิงก์ย่อ) เพื่อกดเพื่อรับเงินหรือตามคำแนะนำ แต่ควรระวังว่าลิงก์เหล่านี้อาจเป็นลิงก์ที่ใช้ในการหลอกเงินหรือผู้ใช้งานผ่านทางการหลอกลวง (Phishing) ดังนั้นไม่ควรกดลิงก์นั้นเพื่อป้องกันการเป็นเหยื่อ

ในกรณีที่เราได้รับ SMS ปลอมที่แจ้งว่าเป็นของสถาบันการเงิน แนะนำให้โทรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของสถาบันการเงินนั้นๆ เพื่อตรวจสอบความเชื่อถือได้ และแจ้งให้สถาบันการเงินนั้นรู้ว่ามีการส่ง SMS ที่น่าสงสัยถึงเรา ซึ่งสถาบันการเงินก็จะดำเนินการตรวจสอบและให้ข้อมูลเพิ่มเติมให้ทันที